วิตามินอี ให้คุณได้มากกว่าความสวย
สาระน่ารู้
10 กรกฎาคม 2565
วิตามินอี ให้คุณได้มากกว่าความสวย
วิตามินอี ให้คุณได้มากกว่าความสวย
เมื่อพูดถึงความสวยความงาม ผิวพรรณสดใสแล้วละก็ วิตามินอี เป็นหนึ่งในบรรดาตัวช่วยที่ใครหลายคนนึกถึง แต่ประโยชน์ของวิตามินอี ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องความสวยความงามอย่างที่รู้กันอย่างแพร่หลาย เรามารู้จักวิตามินอี กันมากขึ้นดีกว่า
วิตามินอี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายได้ในน้ำมันและไขมัน ซึ่งคุณสมบัติเด่นของวิตามินอี คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ถูกนำมาใช้ในเรื่องชะลอความแก่ นอกจากนี้วิตามินอี ยังช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง จึงไม่น่าแปลกใจที่เครื่องสำอางหลายยี่ห้อ นำวิตามินอี มาเป็นส่วนผสม
ไม่เพียงช่วยในเรื่องของความงาม วิตามิน อี ยังมีส่วนช่วยลดการเกิดกระบวนการออกซิเดชันของไขมันไม่ดีในหลอดเลือด (LDL-คอเลสเตอรอล) จึงมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ วิตามินอี ยังมีหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในอาหาร ดังนั้น น้ำมันพืชที่มีวิตามินอี อยู่มากตามธรรมชาติ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันถั่วเหลือง จะเกิดกลิ่นหืนได้ช้ากว่าน้ำมันพืชที่มีวิตามินอี น้อยกว่า
สำหรับปริมาณบริโภควิตามิน อี หรือ แอลฟา-โทโคฟีรอลในแต่ละวันนั้น Thai RDI แนะนำว่า คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ควรบริโภควันละ 10 มิลลิกรัม
เมื่อพูดถึงความสวยความงาม ผิวพรรณสดใสแล้วละก็ วิตามินอี เป็นหนึ่งในบรรดาตัวช่วยที่ใครหลายคนนึกถึง แต่ประโยชน์ของวิตามินอี ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องความสวยความงามอย่างที่รู้กันอย่างแพร่หลาย เรามารู้จักวิตามินอี กันมากขึ้นดีกว่า
วิตามินอี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายได้ในน้ำมันและไขมัน ซึ่งคุณสมบัติเด่นของวิตามินอี คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ถูกนำมาใช้ในเรื่องชะลอความแก่ นอกจากนี้วิตามินอี ยังช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง จึงไม่น่าแปลกใจที่เครื่องสำอางหลายยี่ห้อ นำวิตามินอี มาเป็นส่วนผสม
ไม่เพียงช่วยในเรื่องของความงาม วิตามิน อี ยังมีส่วนช่วยลดการเกิดกระบวนการออกซิเดชันของไขมันไม่ดีในหลอดเลือด (LDL-คอเลสเตอรอล) จึงมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ วิตามินอี ยังมีหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในอาหาร ดังนั้น น้ำมันพืชที่มีวิตามินอี อยู่มากตามธรรมชาติ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันถั่วเหลือง จะเกิดกลิ่นหืนได้ช้ากว่าน้ำมันพืชที่มีวิตามินอี น้อยกว่า
สำหรับปริมาณบริโภควิตามิน อี หรือ แอลฟา-โทโคฟีรอลในแต่ละวันนั้น Thai RDI แนะนำว่า คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ควรบริโภควันละ 10 มิลลิกรัม