ไขมันทรานส์...สิ่งที่ไม่อยากได้ แต่ต้องอยากรู้
สาระน่ารู้
11 กรกฎาคม 2565
ไขมันทรานส์...สิ่งที่ไม่อยากได้ แต่ต้องอยากรู้
ไขมันทรานส์...สิ่งที่ไม่อยากได้ แต่ต้องอยากรู้
กรดไขมันชนิดทรานส์ หรือ ไขมันทรานส์ คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนรูปไปเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานานๆ โดยส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเกิดขึ้นเมื่อนำน้ำมันพืชมาผ่านกระบวนการ Partial Hydrogenation ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ในการผลิตเนยเทียม และ เนยขาว
หากเราบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์เข้าไปมากๆ จะมีผลให้เกิดการสะสมของไขมันชนิดนี้อยู่ตามผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และโรคหัวใจวายเฉียบพลันอีกด้วย นอกจากนี้ กรดไขมันชนิดนี้ ยังมีผลทำให้ระดับไขมันไม่ดี (LDL-คอเลสเตอรอล) ในร่างกายสูงขึ้น และลดระดับไขมันดี (HDL-คอเลสเตอรอล) ลง ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ในปัจจุบันประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา กำหนดให้อาหารทุกประเภทที่จำหน่ายในประเทศ ต้องระบุกรดไขมันชนิดทรานส์ไว้ในฉลากโภชนาการของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม กรณีไขมันรวมทั้งหมดในอาหารมีค่าต่ำกว่า 0.5 กรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค ไม่จำเป็นต้องระบุกรดไขมันชนิดทรานส์ลงในฉลากได้ นอกจากนี้ หากมีกรดไขมันทรานส์ต่ำกว่า 0.5 กรัม สามารถระบุ “ไขมันทรานส์ 0 กรัมได้” ซึ่งในประเทศไทยเองก็นำหลักการดังกล่าวมาใช้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้ออาหาร เบเกอรี่ หรือน้ำมันพืช จึงควรพลิกดูค่ากรดไขมันชนิดทรานส์ในฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อ
กรดไขมันชนิดทรานส์ หรือ ไขมันทรานส์ คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนรูปไปเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานานๆ โดยส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเกิดขึ้นเมื่อนำน้ำมันพืชมาผ่านกระบวนการ Partial Hydrogenation ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ในการผลิตเนยเทียม และ เนยขาว
หากเราบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์เข้าไปมากๆ จะมีผลให้เกิดการสะสมของไขมันชนิดนี้อยู่ตามผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และโรคหัวใจวายเฉียบพลันอีกด้วย นอกจากนี้ กรดไขมันชนิดนี้ ยังมีผลทำให้ระดับไขมันไม่ดี (LDL-คอเลสเตอรอล) ในร่างกายสูงขึ้น และลดระดับไขมันดี (HDL-คอเลสเตอรอล) ลง ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ในปัจจุบันประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา กำหนดให้อาหารทุกประเภทที่จำหน่ายในประเทศ ต้องระบุกรดไขมันชนิดทรานส์ไว้ในฉลากโภชนาการของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม กรณีไขมันรวมทั้งหมดในอาหารมีค่าต่ำกว่า 0.5 กรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค ไม่จำเป็นต้องระบุกรดไขมันชนิดทรานส์ลงในฉลากได้ นอกจากนี้ หากมีกรดไขมันทรานส์ต่ำกว่า 0.5 กรัม สามารถระบุ “ไขมันทรานส์ 0 กรัมได้” ซึ่งในประเทศไทยเองก็นำหลักการดังกล่าวมาใช้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้ออาหาร เบเกอรี่ หรือน้ำมันพืช จึงควรพลิกดูค่ากรดไขมันชนิดทรานส์ในฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อ